พิเศษ!! สำหรับลูกค้า 360TRUCK X JUBILI ระบบ CRM สำหรับธุรกิจ B2B ขอมอบสิทธิประโยชน์ให้มากถึง 2 ต่อ

พิเศษต่อที่ 1

• แพ็คเกจ S รับส่วนลดค่า License แบบรายปี 15%
• แพ็คเกจ M รับส่วนลดค่า License แบบรายปี 15% + ส่วนลดค่า Implement 10%
• แพ็คเกจ L รับส่วนลดค่า License แบบรายปี 15% + ส่วนลดค่า Implement 10% + ค่า Add on 10%

พิเศษต่อที่ 2 

• พิเศษสำหรับ 3 บริษัทแรก ของแต่ละ Package ที่ชำระเงินรายปี รับฟรี Add on 1 ปี

เงื่อนไขโปรโมชั่น

• โปรโมชั่นตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2566
• สิทธิพิเศษนี้สำหรับลูกค้าที่ใช้งาน 360TRUCK เท่านั้น
• เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด

JUBILI ซอฟต์แวร์สำหรับบริหารงานขายและจัดการข้อมูลลูกค้าสำหรับธุรกิจประเภท B2B ให้ทีมขายสามารถบันทึกข้อมูลและกิจกรรมการเข้าพบลูกค้าในแต่ละครั้ง วิเคราะห์โอกาสในการปิดการขาย ออกใบเสนอราคา ไปจนถึงบันทึกยอดขายที่เกิดขึ้น ทั้งนี้ JUBILI จะทำการวิเคราะห์ข้อมูลและแสดงผลในรูปแบบของ Dashboard ให้ผู้บริหารสามารถมองเห็นทั้งภาพรวมหรือเจาะลึกรายละเอียดในลูกค้าแต่ละรายแบบ Real-time ทำให้รับรู้ถึงสถานการณ์หรือประสิทธิภาพการทำงานของทีมขาย และแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด

ทำไมธุรกิจ B2B ถึงจำเป็นต้องใช้ CRM ?

ก่อนอื่นเรามารู้จักกันก่อนว่าระบบ CRM คืออะไร ระบบ CRM หรือ Customer Relationship Management คือระบบที่ทำให้ทีมขายและทีมการตลาดเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเพื่อรักษาความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า เป็นระบบที่รวบรวมข้อมูลในส่วนของ Customer Touchpoint ไม่ว่าจะเป็น การเข้าเว็บไซต์ การเห็นสื่อบนช่องทางโซเชียล การโทรติดต่อ การเข้าไปเสนอผลิตภัณฑ์จากทีมขาย รวมถึงการได้รับข้อมูลข่าวสารผ่านทางอีเมลไปจนถึงการขอใบเสนอราคา การปิดการขาย และการร้องเรียนต่างๆ ข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกจัดเก็บในระบบเพื่อให้ทีมขายและทีมการตลาดนำไปใช้พัฒนาการสื่อสารและการบริการให้มีความ Personalize มากยิ่งขึ้น

แล้ว CRM ในธุรกิจ B2B (Business to Business) และ B2C (Business to Consumer) ต่างกันยังไง ?

1. จำนวนผู้ตัดสินใจ
   B2B มีผู้ร่วมตัดสินใจมากกว่าแบบ B2C ที่มีเพียงลูกค้ารายย่อย โดย B2B นั้นอาจจะต้องมีการเข้าไปคุยและเสนอขายกับหลายส่วนหลายฝ่าย ทำให้ต้องเก็บข้อมูลการติดต่อที่ซับซ้อนกว่า
2. รอบการซื้อ (Sales Cycle)
   Sales Cycle ของลูกค้ากลุ่ม B2B จะมีความยาวนานมากกว่า เนื่องจาก B2B นั้นมักจะซื้อผลิตภัณฑ์ในจำนวนที่มากกว่าและมีมูลค่าสูงกว่า โดยรอบการสั่งซื้อนอกจากจะต้องอิงตามความต้องการของบริษัทแล้วยังต้องดูแผนงบประมาณของบริษัทอีกด้วย ดังนั้นการสร้างความสัมพันธ์ให้บริษัทนึกถึงผลิตภัณฑ์และบริการของเราเป็นระยะๆ ถือว่าสำคัญมาก
3. จำนวนกลุ่มเป้าหมาย (Leads)
   B2B มี Leads ที่น้อยกว่า B2C ยกตัวอย่างสำหรับธุรกิจ B2B จำพวกเครื่องมือทางการแพทย์จะมีจำนวนลูกค้าเท่ากับจำนวนโรงพยาบาลและคลีนิคเท่านั้น ระบบ CRM จึงเข้ามาช่วยในการคัดกรอง Leads ที่มีศักยภาพ
4. Customer Touchpoint
   B2B จะมีจำนวน Touchpoint ก่อนการตัดสินใจซื้อที่มากกว่า B2C เช่น Touchpoint ของกลุ่มลูกค้า B2C เมื่อเห็นสื่อโฆษณาบนช่องทาง social อาจจะกดเข้าไปดูสินค้าและสามารถตัดสินใจซื้อได้ทันที แต่สำหรับลูกค้ากลุ่ม B2B นั้นหากเห็นสินค้าบนช่องทางออนไลน์และมีความสนใจ จะต้องมีการค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมจากเว็บไซต์และติดต่อเข้ามาหาทีมขายเพื่อให้เข้ามานำเสนอสินค้าหรือขอลองสินค้าและบริการก่อนการตัดสินใจซื้อ ทั้งยังมีการหาสินค้าหรือบริการเดียวกันของบริษัทอื่นเพื่อเปรียบเทียบทั้งคุณภาพ ราคาเพื่อให้ได้สินค้าหรือบริการที่คุ้มค่าที่สุดแก่บริษัท ซึ่งในทุก Touchpoint ควรมีการ Monitor และวัด KPI อย่างละเอียด

CRM ช่วยให้ธุรกิจ B2B ประสบความสำเร็จ!

1. CRM ช่วยในการจัดเก็บข้อมูลของลูกค้าที่มีจำนวนมาก และช่วยในการติดตามกิจกรรมการขายทั้งหมด
2. CRM สามารถคาดการณ์พฤติกรรมการซื้อและช่วงเวลาการซื้อของลูกค้าในอนาคต
3. CRM สามารถคัดกรองกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มในการซื้อสูง
4. CRM ช่วยทีมขายและทีมการตลาดให้เข้าถึงข้อมูล เพื่อนำไปพัฒนาและปรับปรุง Customer Experience
5. บริษัทสามารถตรวจสอบผลการดำเนินงานของทีมขายแบบ Real-Time เพื่อรับมือกับปัญหาและปรับเปลี่ยนแผนให้ได้ผลกำไรที่คาดไว้

ปัจจุบันระบบ CRM มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก และมี Feature ที่ตอบโจทย์ความต้องการของรูปแบบบริษัทที่แตกต่างกันออกไป JUBILI ถือเป็นหนึ่งในระบบ CRM ที่ถูกพัฒนามาจากความต้องการของบริษัทในประเทศไทยในราคาที่บริษัทขนาดเล็กสามารถจับต้องได้เพื่อให้ตอบโจทย์การบริหารการขายแบบมืออาชีพสำหรับธุรกิจหลากหลายรูปแบบโดยได้รับความไว้วางใจจากผู้ใช้งานมากกว่า 4,000 users ไม่ว่าจะเป็น ผู้จำหน่ายสินค้า ผู้ให้บริการ และผู้ผลิต/โรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ